ฟังเพลงตอนทำงาน: เพิ่มประสิทธิภาพหรือลดสมาธิ? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย พร้อมเคล็ดลับเลือกเพลงที่ใช่

ฟังเพลงตอนทำงาน: เพิ่มประสิทธิภาพหรือลดสมาธิ? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย พร้อมเคล็ดลับเลือกเพลงที่ใช่

การฟังเพลงขณะทำงานกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานออฟฟิศ หลายคนเชื่อว่าเสียงเพลงช่วยเพิ่มสมาธิ ลดความเครียด และทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการเปิดเพลงคลอไประหว่างทำงานนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่อาจส่งผลต่อการทำงานของคุณโดยตรง

ฟังเพลงตอนทำงาน
ฟังเพลงตอนทำงาน

ข้อดีของการฟังเพลงตอนทำงาน

  • ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียด: เพลงที่มีจังหวะสบายๆ เช่น เพลงบรรเลงหรือคลาสสิก สามารถลดระดับฮอร์โมนความเครียด ทำให้คุณรู้สึกสงบและมีสมาธิมากขึ้น
  • เพิ่มสมาธิในงานที่ไม่ซับซ้อน: สำหรับงานที่ทำซ้ำๆ หรือไม่ต้องใช้ความคิดมากนัก การฟังเพลงจะช่วยป้องกันความเบื่อหน่ายและทำให้คุณตื่นตัวอยู่เสมอ
  • สร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์: เพลงที่ไม่มีเนื้อร้องบางประเภทสามารถกระตุ้นสมองให้เกิดความคิดใหม่ๆ และเพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหาได้
  • สร้างบรรยากาศที่ดี: เสียงเพลงช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัวในพื้นที่ทำงาน โดยเฉพาะในออฟฟิศแบบเปิด
  • บดบังเสียงรบกวน: หากคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง การฟังเพลงผ่านหูฟังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม

ข้อเสียของการฟังเพลงตอนทำงาน

  • ลดสมาธิในงานที่ต้องใช้ความคิดซับซ้อน: สำหรับงานที่ต้องวิเคราะห์ อ่าน หรือเขียน การมีเสียงเพลง โดยเฉพาะเพลงที่มีเนื้อร้อง อาจรบกวนสมาธิอย่างมากและลดประสิทธิภาพลง
  • อาจทำให้ไขว้เขว: การเลือกเพลงที่ไม่เหมาะสม หรือเปลี่ยนเพลงบ่อยๆ อาจทำให้คุณเสียสมาธิไปกับการเลือกเพลงมากกว่าการจดจ่อกับงาน
  • รบกวนผู้อื่น: หากไม่ได้ใช้หูฟัง เสียงเพลงของคุณอาจสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนร่วมงานได้
  • ลดประสิทธิภาพในระยะยาว: การฟังเพลงจังหวะเร็วหรือมีเนื้อร้องตลอดเวลา อาจทำให้สมองทำงานหนักโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจนำไปสู่ความเหนื่อยล้าทางสมองได้

เลือกเพลงอย่างไรให้เหมาะกับการทำงานของคุณ?

การเลือกเพลงให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลองพิจารณาตามประเภทงานและความชอบส่วนตัวของคุณ:

  • งานที่ต้องใช้สมาธิสูง (เช่น การเขียนโค้ด, การอ่านเอกสาร, งานวิจัย): ควรเลือกเพลงบรรเลง, เพลงคลาสสิก, เพลง Lo-fi, หรือ White Noise ที่ไม่มีเนื้อร้อง เพื่อไม่ให้รบกวนการประมวลผลข้อมูลในสมอง
  • งานที่ไม่ซับซ้อน (เช่น การตอบอีเมล, การจัดเรียงเอกสาร, งานธุรการ): คุณสามารถเลือกฟังเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานได้บ้าง แต่ควรระวังไม่ให้เสียงดังเกินไปจนรบกวนสมาธิ
  • ความชอบส่วนตัว: เลือกเพลงที่คุณฟังแล้วรู้สึกสบายใจและไม่หงุดหงิด
  • หลีกเลี่ยงเพลงที่คุ้นเคยมากเกินไป: เพลงที่คุณจำเนื้อร้องได้ อาจทำให้คุณเผลอร้องตามหรือคิดถึงเรื่องอื่นแทนการจดจ่อกับงาน
  • ปรับระดับเสียงให้เหมาะสม: ไม่ควรฟังเพลงเสียงดังเกินไป เพราะอาจทำให้หูเมื่อยล้าและลดประสิทธิภาพการได้ยินในระยะยาว

สรุป

การฟังเพลงตอนทำงานเป็นเหมือนดาบสองคม ขึ้นอยู่กับ ประเภทของงาน และ ประเภทของเพลง ที่คุณเลือก หากเลือกได้อย่างเหมาะสม เสียงเพลงจะกลายเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าเลือกผิด ก็อาจกลายเป็นสิ่งรบกวนที่ทำให้งานของคุณสะดุดได้ ลองสังเกตตัวเองว่าเพลงแบบไหนที่เหมาะกับคุณและงานที่คุณทำ เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฟังเพลงตอนทำงาน 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น