วิธีนึ่งฟักทองให้นุ่ม เหนียว อร่อย แบบมืออาชีพ

 วิธีนึ่งฟักทองให้นุ่ม เหนียว อร่อย แบบมืออาชีพ

ฟักทอง ผลไม้สีส้มอร่ามที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ไม่เพียงแต่มีรสชาติหวานหอมอร่อย ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย การนำฟักทองมาประกอบอาหารนั้นมีหลากหลายวิธี แต่การนึ่งเป็นวิธีที่ช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารได้ดีที่สุด และทำให้เนื้อฟักทองนุ่มละลายในปาก วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจและเผยเคล็ดลับในการนึ่งฟักทองให้นุ่ม เหนียว อร่อย แบบมืออาชีพกันค่ะ

วิธีนึ่งฟักทองให้เหนียว
วิธีนึ่งฟักทองให้เหนียว

ทำไมต้องนึ่งฟักทอง?

  • รักษาคุณค่าทางอาหาร: การนึ่งจะช่วยรักษาวิตามินและแร่ธาตุในฟักทองได้ดีกว่าการปรุงอาหารด้วยวิธีอื่นๆ
  • เนื้อนุ่มละลายในปาก: ฟักทองที่นึ่งจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละลายในปาก กินง่าย เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว
  • ง่ายต่อการย่อย: การนึ่งจะช่วยให้ร่างกายย่อยฟักทองได้ง่ายขึ้น
  • ไม่มีกลิ่นคาว: หากนำฟักทองไปปรุงอาหารประเภทแกงหรือผัด อาจทำให้เกิดกลิ่นคาวได้ แต่การนึ่งจะช่วยขจัดปัญหานี้

วิธีนึ่งฟักทองให้เหนียว

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม:

  • หม้อนึ่ง: สามารถใช้หม้อนึ่งแบบธรรมดา หรือหม้อนึ่งในไมโครเวฟก็ได้
  • ฟักทอง: เลือกฟักทองที่สุกงอม เปลือกเรียบสวย
  • มีด: สำหรับหั่นฟักทอง
  • ชาม: สำหรับใส่ฟักทองหลังจากนึ่งเสร็จ

ขั้นตอนการทำ:

  1. เตรียมฟักทอง: ล้างฟักทองให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ ไม่ต้องปอกเปลือกก็ได้ เพราะเปลือกฟักทองมีใยอาหารสูง
  2. นึ่งฟักทอง:
    • หม้อนึ่ง: นำฟักทองที่หั่นแล้วใส่ลงในตะแกรงนึ่ง จากนั้นตั้งน้ำให้เดือด นึ่งประมาณ 15-20 นาที หรือจนกว่าฟักทองจะนุ่ม
    • ไมโครเวฟ: นำฟักทองใส่ภาชนะที่สามารถใช้ในไมโครเวฟได้ ปิดฝา นึ่งด้วยกำลังไฟสูงประมาณ 3-5 นาที หรือจนกว่าฟักทองจะนุ่ม
  3. ตรวจสอบความนุ่ม: ใช้ส้อมจิ้มดู หากส้อมจิ้มผ่านได้ง่าย แสดงว่าฟักทองสุกแล้ว
  4. เสิร์ฟ: ตักฟักทองที่นึ่งสุกแล้วใส่จาน พร้อมรับประทานได้เลย

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • เพิ่มรสชาติ: สามารถเพิ่มรสชาติให้กับฟักทองได้ด้วยการโรยด้วยเกลือเล็กน้อย หรือราดด้วยน้ำผึ้ง
  • นำไปประกอบอาหารอื่นๆ: ฟักทองนึ่งสามารถนำไปประกอบอาหารอื่นๆ ได้ เช่น สลัด ผัด หรือทำเป็นซุป
  • เก็บรักษา: หากต้องการเก็บฟักทองนึ่งไว้รับประทานภายหลัง สามารถนำไปแช่เย็นได้ แต่รสชาติและเนื้อสัมผัสอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ฟักทองนึ่งที่นุ่ม หวานอร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้วค่ะ ลองนำไปทำตามกันดูนะคะ



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น