4 เครื่องดื่ม "ต้องห้าม" เมื่อกินยา: รู้ไว้ ปลอดภัยกว่า!

4 เครื่องดื่ม "ต้องห้าม" เมื่อกินยา: รู้ไว้ ปลอดภัยกว่า!

เมื่อต้องรับประทานยา ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์หรือยาที่ซื้อเอง สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังเรื่องเครื่องดื่มที่ทานคู่กัน เพราะเครื่องดื่มบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยา ส่งผลให้ยาออกฤทธิ์ได้น้อยลง ออกฤทธิ์แรงเกินไป จนเป็นอันตราย หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ นี่คือ 4 เครื่องดื่มที่คุณควรหลีกเลี่ยง:

เครื่องดื่มที่ไม่ควรกินคู่กับยา

เครื่องดื่มที่ไม่ควรกินคู่กับยา

1. แอลกอฮอล์ (Alcohol) 🥃

  • อันตราย: แอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่อันตรายที่สุดเมื่อทานคู่กับยา โดยเฉพาะยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ (บางชนิด) และยาแก้ปวด อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึมอย่างรุนแรง การทำงานของสมองช้าลง และอาจส่งผลให้ตับทำงานหนักขึ้นมากเมื่อทานคู่กับยา พาราเซตามอล หรือยาต้านอักเสบชนิดอื่น (NSAIDs)

2. น้ำเกรปฟรุต (Grapefruit Juice) 🍊

  • อันตราย: แม้จะเป็นน้ำผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ แต่น้ำเกรปฟรุตมีสารที่ยับยั้งเอนไซม์ในตับที่ใช้ในการเผาผลาญยาหลายชนิด ทำให้ ระดับยาในเลือดเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะเมื่อทานคู่กับ ยาลดไขมันในเลือด (Statins), ยาความดันโลหิตสูง, และ ยากดภูมิคุ้มกัน

3. นมและผลิตภัณฑ์จากนม (Milk/Dairy Products) 🥛

  • อันตราย: แคลเซียมและแร่ธาตุในนมสามารถจับตัวกับยาบางชนิด ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ ฤทธิ์ยาจึงลดลง โดยเฉพาะเมื่อทานคู่กับ ยาปฏิชีวนะบางประเภท (เช่น Tetracycline หรือ Ciprofloxacin) ควรหลีกเลี่ยงการดื่มนมหรือทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงก่อนหรือหลังการกินยาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

4. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง (High Caffeine Drinks)

  • อันตราย: เครื่องดื่มอย่างกาแฟ ชาเข้มข้น หรือเครื่องดื่มชูกำลัง มีคาเฟอีนสูง ซึ่งเป็นสารกระตุ้น เมื่อทานคู่กับยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นอยู่แล้ว เช่น ยาขยายหลอดลม (สำหรับโรคหอบหืด) หรือ ยาบางชนิดสำหรับโรคหัวใจ อาจทำให้เกิดอาการใจสั่น ความดันโลหิตสูง และกระสับกระส่ายเพิ่มขึ้น


📌 ข้อแนะนำสำคัญ: น้ำเปล่า คือเครื่องดื่มที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการทานคู่กับยา หากไม่แน่ใจว่าเครื่องดื่มใดปลอดภัย ควรสอบถามเภสัชกรหรือแพทย์ทุกครั้งก่อนการรับประทานยา

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น